วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ประชาธิปไตย และ สังคมนิยม ความเหมือนที่แตกต่าง

เปิดเพจใหม่กันด้วยบทความแรกครับ จริงๆอยากลองเขียนเรื่องราวทั่วๆไปดูแหละ แต่ว่าไหนๆก็จบรัฐศาสตร์มายังไงก็อยากลองเขียนจากพื้นฐานความรู้ที่มี(อันน้อยนิด)ดูก่อน

เรื่องที่จะพูดวันนี้ คือ เรื่องของระบบการเมืองการปกครองที่น่าจะแตกต่างกันอย่างมาก คือ ระบบประชาธิปไตย กับ ระบบสังคมนิยม แต่ในความแตกต่างอย่างมากกลับมีความเหมือนกัน แต่ก่อนเราจะมาดูว่ามันเหมือนกันอย่างไรคงต้องเข้าใจหลักการง่ายๆ ของระบบการเมืองการปกครองทั้งสองแบบนี้ก่อนนะครับ

1). ระบอบประชาธิปไตย คือ รูปแบบการปกครองแห่งรัฐ ที่ อำนาจแห่งรัฐเป็นของประชาชนหรือพลเมือง และพลเมืองนี่แหละที่จะใช้อำนาจแห่งรัฐ หรือ อำนาจการปกครองไปตามรูปแบบต่างๆตามที่มีการกำหนด เช่น ผ่านสภา ผ่านตัวแทน รูปแบบการเมืองแบบนี้มีมาตั้งแต่สมัยโรมันครับ แน่นอนแหละว่ามันเป็นการปกครองที่ดูดีมากๆ เพราะ เน้นเรื่องสิทธิของประชาชน ส่วนรูปแบบของประชาธิปไตย ก็มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา แบบประธานาธิปดี ประชาธิปตยทางตรง ทางอ้อม ฯลฯ ก็ว่ากันไป แต่เนื้อหาหลักเหมือนกันคือ อำนาจการปกครองแห่งรัฐเป็นของพลเมือง หรือ ประชาชน นั่นเอง

จุดมุ่งหมายของระบบการเมืองการปกครองแบบประชาธิปไตยก็คือ Democratic Utopia หรือ แปลความง่ายๆคือสังคมที่เท่าเทียมกันในอุดมคติ หรือ เอาเป็นว่า ทำให้สังคมมันเท่าเทียมกันให้มากที่สุดว่างั้น

2). ระบบสังคมนิยม คือ ระบบการเมืองการปกครองอีกรูปแบบหนึ่งครับ จะว่ามันตรงข้ามกับประชาธิปไตยก็คงไม่เชิงนะครับ เพราะ คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจนะว่ามันคืออะไร แต่ที่จริงแล้วระบบสังคมนิยมก็เป็นการเมืองการปกครองหรือทฤษฎีอีกแนวหนึ่งซึ่งต้องการความเท่าเทียม ยุติความเหลื่อมล้ำทางสังคมนั่นแหละ เพราะงั้นระบบสังคมนิยมจึงเน้นเรื่องความเท่าเทียมกัน แต่จะลดสิทธิบางอย่างลงไปเพื่อให้สังคมเกิดความเท่าเทียมมากขึ้น แต่โดยนัยแล้วก็ยังคงให้ความสำคัญด้านสิทธิอยู่นะครับ ผมจึงมองว่าระบอบสังคมนิยมเป็นรูปแบบหนึ่งที่แยกออกมาจากระบอบประชาธิปไตย เช่น เดียวกับรูปแบบทุนนิยม

เพราะ ระบอบประชาธิปไตย ได้ให้กำเนิด ระบอบทุนนิยมซึ่งเน้น การแข่งขันทางด้านกำลังทุน ซึ่งมีทั้งข้อดีข้อเสีย เพราะ มันทำให้คนในสังคมซึ่งมีกำลังทุนน้อยกว่าไม่มีโอกาสเลย ทำให้เกิดระบอบสังคมนิยมขึ้นมา เพราะคนที่ด้อยโอกาสในสังคมมักจะเป็นคนส่วนใหญ่ของรัฐ

ดังนั้นระบอบสังคมนิยมเลยเป็นระบอบการเมืองที่เน้นผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง และ แตกแยกเป็นหลากหลายรูปแบบ เช่น สังคมนิยมแบบเสรี สังคมนิยมแบบบังคับ(คอมมิวนิสต์)

เพราะฉะนั้น จุดมุ่งหมายของระบอบสังคมนิยมก็คือ Democratic Utopia เช่นเดียวกับประชาธิปไตยนั่นแหละคับ แต่มันต่างกันที่วิธีการไปถึงจุดหมาย

เอาล่ะพูดถึงสังคมนิยม คงต้องพูดถึงคอมมิวนิสต์หน่อย เพราะ เป็นระบบที่ดังเหลือเกิน คนไทยเราก็กลัวมากซะด้วย ทั้งๆที่พอถามว่ามันคืออะไรก็ตอบไม่ได้ จริงๆแล้วระบอบคอมมิวนิสต์ เป็นระบอบการปกครองรูปแบบหนึ่งของระบบสังคมนิยม แต่คอมมิวนิสต์จะเป็นสังคมนิยมแบบบังคับ คือ จะเคร่งครัดในเรื่องการปกครอง ในเรื่องผลประโยชน์ส่วนรวม มีพรรคการเมืองเดียว คือ พรรคคอมมิวนิสต์ มีการปกครองที่ค่อนข้างละเมิดหรือจำกัดสิทธิทางการเมือง เศรษฐกิจเพื่อผลประโยชน์แห่งรัฐและความเท่าเทียมทางสังคม ซึ่งจะเลวร้ายหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับคณะผู้ปกครองว่าจะเข้มงวดมากแค่ไหน เพราะ อะไรที่ตึงไป หรือ หย่อนไปมันก็ย่อมไม่ดี สหภาพโซเวียตที่ยิ่งใหญ่ จึงต้องพังลง เพราะมันตึงมากไปนั่นแหละครับ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม

เอาล่ะสรุปง่ายๆ ประชาธิปไตย กับ สังคมนิยมมันก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันนั่นแหละครับ แต่แตกต่างกันที่แนวทางการไปถึงจุดหมายเท่านั้นแหละ แล้วรู้สึกไหมครับ ว่าไอ้สงครามเย็นที่ยืดยาวและน่ากลัวนั่นมันเป็นความบ้ามากกว่า บ้าระหว่าง ระบบประชาธิปไตยทุนนิยมซึ่งเป็นของนายทุนและคนชั้นปกครอง กับ ระบบประชาธิปไตย สังคมนิยมแบบต่างๆ ของชนชั้นกรรมาชีพหรือชนชั้นล่างและชั้นกลาง..........

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น